ความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมและบุญบาป
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
กรรมนั้นย่อมเป็นของเราโดยเฉพาะ และเราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
จะโอนให้ผู้อื่นไม่ได้ เช่น เราทำกรรมชั่วอย่างหนึ่ง
เราจะต้องรับผลของกรรมชั่วนั้น จะลบล้างหรือโอนไปให้ผู้อื่นไม่ได้
แม้ผู้นั้นจะยินดีรับโอนกรรมชั่วของเราก็ตาม กรรมดีก็เช่นเดียวกัน ผู้ใดทำกรรมดี
กรรมดีย่อมเป็นของผู้ทำโดยเฉพาะ จะจ้างหรือวานให้ทำแทนกันหาได้ไม่
เช่นเราจะเอาเงินจ้างผู้อื่นให้ประกอบกรรมดี
แล้วขอให้โอนกรรมดีที่ผู้นั้นทำมาให้แก่เราย่อมไม่ได้
หากเราต้องการกรรมดีเป็นของเรา เราก็ต้องประกอบกรรมดีเอง เหมือนกับการรับประทานอาหาร
ผู้ใดรับประทานผู้นั้นก็เป็นผู้อิ่ม
มนุษย์เรามีภาวะความเป็นไปต่าง ๆ กัน เช่น ดีหรือชั่ว รวยหรือจน เจริญหรือเสื่อม สุขหรือทุกข์ ก็เนื่องจากกรรมของตนเองทั้งสิ้น และกรรมใดที่ทำลงไปจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมให้ผลตอบแทนเสมอ และย่อมติดตามผู้ทำเสมือนเงาติดตามตน หรือเหมือนกับล้อเกวียนที่หมุนตามรอยเท้าโคไปฉะนั้น ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย หากเราทำกรรมดีเราก็ได้รับความสุขความเจริญ กรรมดีจึงเหมือนกัลยาณมิตรที่คอยให้ความอุปการะ และส่งเสริมให้เราประสบแต่ความสุขและความเจริญ แต่ถ้าเราทำกรรมชั่ว กรรมชั่วก็คอยล้างผลาญเราให้ประสบแต่ความทุกข์และความเสื่อม
มนุษย์เรามีภาวะความเป็นไปต่าง ๆ กัน เช่น ดีหรือชั่ว รวยหรือจน เจริญหรือเสื่อม สุขหรือทุกข์ ก็เนื่องจากกรรมของตนเองทั้งสิ้น และกรรมใดที่ทำลงไปจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมให้ผลตอบแทนเสมอ และย่อมติดตามผู้ทำเสมือนเงาติดตามตน หรือเหมือนกับล้อเกวียนที่หมุนตามรอยเท้าโคไปฉะนั้น ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย หากเราทำกรรมดีเราก็ได้รับความสุขความเจริญ กรรมดีจึงเหมือนกัลยาณมิตรที่คอยให้ความอุปการะ และส่งเสริมให้เราประสบแต่ความสุขและความเจริญ แต่ถ้าเราทำกรรมชั่ว กรรมชั่วก็คอยล้างผลาญเราให้ประสบแต่ความทุกข์และความเสื่อม
ในลิลิตพระลอที่อ้างถึงเรื่องกรรม คือ
พระลอทูลนางบุญเหลือขอไปหาพระเพื่อนพระแพง ณ เมืองสรอง
แต่นางบุญเหลือห้ามไว้เพราะเป็นเมืองศัตรู พระลอทูลเรื่องกรรมว่า ไม่มีใครฝืนกรรมได้
ถึงกรรมจักอยู่ได้ ฉันใด พระเอย
กรรมบ่มีมีใคร ฆ่าข้า
กุศลส่งสนองไป ถึงที่ สุขนา
บาปส่งจำตกช้า ช่วยได้ฉันใด
ผิไปถึงแล้วและ ถึงกรรม์
ก็ดี
ตกนรกแสนศัลย์ หมิ่นไหม้
เสวยสุขโสดเสวยสวรรค์ เพราะอยู่ ก็ดี
บ่อยู่เลยลาไท้ ธิราชแล้วจักไป
เมื่อพระลอถูกยาเสน่ห์ของปู่เจ้าสมิงพรายสุดปัญญาที่จะหยุดยั้งความกระสันเสน่ห์หาที่มีต่อพระเพื่อนพระแพงได้จงออกอุบายเพ็ดทูลพระมารดาเพื่อไปพบพระเพื่อนพระแพงที่เมืองของศัตรูพอเห็นพระมารดาโศกเศร้าเสียใจเหลือประมาณ พระลอจึงปลอบพระมารดาว่าที่เป็นเช่นนี้ก็คงเพราะบาปกรรม
รอยกรรมจักจากเจ้า จอมกษัตริย์
รอยบาปเพรงจำพลัด ออกท้าว
พระคุณไป่แทนขัด ใจดั่ง นี้นา
ยาหยกเขาโน้มน้าว ให้ลูกไหลหลง
ส่วนนางลักษณาวดีผู้เป็นมเหสีรู้ว่าพระสวามีต้องยาเสน่ห์และจะออกตามหาหญิงอื่น ในห้วงระทมทุกข์เช่นนี้นางไม่มีสิ่งใดยึดเหนี่ยวจิตใจได้เลย นอกจากระลึกถึงธรรมและบาปบุญนางกล่าวต่อพระสวามีว่า
ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา
ตามแต่บาปบุญแล ก่อเกื้อรักษา
เนื้อหาของบทกวีสะท้อนให้เห็นว่าหลักธรรมทางศาสนาอย่างน้อย
3 เรื่องได้กลายเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวของตัวละครเมื่อยามชีวิตเผชิญความทุกข์ยากชนิดที่ไม่รู้จะแก้ไขได้ออย่างไรหนึ่งคือปรัชญาอันเกี่ยวกับ
ธรรมชาติของชีวิตที่ว่าสรรพสิ่งในโลกล้วนมีความไม่แน่นอน สองคือคำสอนเรื่องกรรม
สามคือคำสอนเรื่อบาปและบุญอันเป็นหลักจริยธรรมที่สืบเนื่องจากความเชื่อเรื่องกรรมนั่นเอง
เรื่องราวในวรรณคดีสื่อความให้เห็นว่าตัวละครภายใต้สถานการณ์บีบบังคับให้เดินไปสู่ชะตากรรมแห่งความเป็นความตายที่ยากจะฝืนได้สิ่งที่พวกเขาทำได้คือ (1)
หาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตโดยอาศัยคำสอนจากศาสนามาปลอบประโลมจิตใจตัวเอง (2) วางอุเบกขาหรือปล่อยวางให้เรื่องรวาวของชีวิตเป็นไปตามกรรมดีกรรมชั่ว
บาปบุญคุณโทษอันแสดงถึงการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนข้อนี้ชี้ให้เห็นอิทธิพลคำสอนของพุทธศาสนาที่มีต่อสังคมไทยในสองแง่มุมด้วยกันคือ
1. คำสอนของพุทธศาสนาในแง่ที่จะเป็นเครื่องมือช่วยอธิบายความเป็นไปของชีวิตและความตาย
2.
ภายใต้สถานการณ์แห่งความเป็นตายของชีวิตนี้สิ่งที่จะช่วยให้รอดหรือร่วงคือบุญและบาป
คุณ โทษ หรือกรรมดีกรรมชั่ว คำสอนนี้จึงมุ่งหมายให้ผู้คนที่เกิดมาหมั่นทำบุญกุศลเพื่อที่บุญกุศดังกล่าวจะได้ช่วยปัดเป่าเภทภัยในคราวเคราะห์หามยามร้าย
เรื่องราวในวรรณคดีเรื่องนี้ชวนให้เห็นมิติที่คำสอนหรือปรัชญาพุทธศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น