ขนบธรรมเนียมประเพณีการทำศพ
ในตอนท้ายพระลอ พระเพื่อน
พระแพงเสียชีวิต รวมถึง ขุนแก้วกับนางรื่น หมื่นขวัญกับนางโรยก็ตายไปพร้อมกัน เรื่องแปลกก็คือ ในพิธีศพ มีการทำโลงศพเพียง 3
โลงเท่านั้น โลงแรกใส่พระศพสามกษัตริย์ พระลอ พระเพื่อนพระแพง โลงที่สองใส่ศพขุนแก้วกับนางรื่น
โลงที่สามใส่ศพหมื่นขวัญกับนางโรย ดั่งพรรณนาว่า
"...มี่อึงอรรณพไห้ เมืองหลวงไข้ทุกด้าว สมเด็จท้าว พิไชยพิษณุกร ธ
ให้นำบังอรราชเทพี ดาราวดีเสด็จไป สู่คฤหาไลยพระองค์ ธ ให้สรงศพสามกษัตริย์
จัดสรรพภูษา ตราสังทั้งสามพระองค์ ผจงโลงทองหนึ่งใหญ่ ใส่สามกษัตริย์แล้วไส้ ธ
ก็ให้แต่งโลงหนึ่งแล้ว ใส่ขุนแก้วแลนางรื่น โลงหนึ่งใส่หมื่นขวัญแลนางโรย
ทำโดยรีตศพเสร็จ ธ ก็เสด็จยังปราสาท ให้หาราชศิลปี มีโองการบังคับ
ให้สำหรับพระเมรุ เกณฑ์กำหนดทุกกรม ให้แต่งพนมอัษฐทิศ พิพิธราชวัติฉัตร
กลิ้งกลดธวัชบรรฎาก หลายหลากภาคบุษบก..." 7 ศพ
3 โลง คู่รักก็นอนโลงเดียวกัน
ท้าวพิไชยพิษณุกรโปรดให้สรงพระศพ
ตราสังแล้วบรรจุพระศพสามกษัตริย์ลงในโลงทอง
และอีกสองโลงสำหรับนายแก้วกับนางรื่นนายขวัญกับนางโรย
ตามจารีตประเพณีทุกประการจากนั้นทรงให้นายช่างประจำราชสำนักจัดทำพระเมรุให้งามวิจิตรเพื่อเป็นการบูชาพระศพสามกษัตริย์แล้วตรัสให้คณะทูตนำพระราชสารและบรรณาการทั้งหลายไปถวายแด่พระนางบุญเหลือที่ยังเมืองสรวง
ฝ่ายพระนางบุญเหลือเมื่อได้ทรงฟังพระราชสารก็ไม่อาจทรงกายยืนอยู่ได้
ทรงล้มลงซบเหนือหมอนร่ำไห้ถึงลูกผู้เป็นกษัตริย์ ทรงร่ำไห้มิรู้กี่ครั้งกี่หน
พลางรำพันว่า “ลูกรักของแม่เอยห้ามเจ้าแล้ว เจ้าก็ไม่ฟังแม่เลย หากจะตายด้วยไข้หรือด้วยผีแม่ยังได้รักษาจนเต็มตามใจแม่
แต่นี่ลูกกลับไปตายที่เมืองอื่น ด้วยธนูอาบยาพิษ”ครั้นพระนางลักษณวดีทรงรู้ข่าว
ก็แล่นมายังพระนางบุญเหลือ รวมทั้งนางพระสนมกำนัลถ้วนหน้า
เมื่อทูลถามพระนางบุญเหลือได้ความจริงแน่แท้แล้วต่างพากันทาบตีอกร่ำไห้สนั่นไปทั้งวังผู้คนทั่วหน้าทั้งเมืองร่ำไห้ด้วยความอาลัยรักพระเจ้าแผ่นดิน
มุขมนตรีผู้เฒ่าเห็นว่าเจ้านายและผู้คนเมืองสรวงต่างร่ำไห้กันอยู่มิรู้สิ้นสุดเหมือนดั่งจะตายตามไปด้วย
จึงทูลเตือนพระนางบุญเหลือว่า “ตอนนี้แผ่นดินไร้กษัตริย์ครอง
แต่ยังไม่รู้กันทั่วถึงเมืองอื่นขอให้พระนางคิดการถึงเบื้องหน้าเถิด หากคิดผิดแผก
แผ่นดินจะคว่ำ
ผีป่าก็จะมาซ้ำผีเรือนก็จะพลอยมาผลักให้ล่มจมโปรดทรงคิดถึงราชการงานเมืองให้จงหนักทั้งหน้าและหลังเถิด” พระนางบุญเหลือฟังแล้วตรัสขอบใจเหล่ามนตรี และว่าที่ทรงคิดจะเสด็จไปปลงศพพระลอลูกรัก เห็นทีจะต้องทรงระงับแล้วทรงให้จัดเตรียมเงินร้อยช่าง
ทองร้อยช่าง แก้วมณีเก้าประการ แพรพรรณมากมาย
เพื่อนำไปแต่งการพระเมรุของพระลอ
แทนตัวพระองค์ที่ไม่ได้เสด็จไปและให้จัดบรรณาการกับพระราชสารไปถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินกับพระนางเจ้าเมืองสรองด้วยเมื่อเสร็จพิธีศพแล้วให้คณะทูตขอรับพระธาตุสามกษัตริย์กับธาตุของพี่เลี้ยงทั้งสี่กลับมาเมืองสรวงด้วย
คณะราชทูตจากเมืองสรวงเข้าถวายสารทรัพย์สินแต่งพระศพและบรรณาการแด่พระเจ้าแผ่นดินเมืองสรอง
เมื่อเสร็จพิธีศพท้าวพิไชยพิษณุกรเสด็จถวายพระเพลิง ซึ่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมตามยศศักดิ์โปรดให้มีงานมหรสพยิ่งใหญ่
เสียงดนตรีบรรเลงกึกก้องสะเทือนพื้นแผ่นดินแสงตะเกียงสว่างโรจน์ไปทั่ว
ครั้นเสร็จงานราชพิธีแล้วท้าวท่านก็แบ่งพระธาตุสามกษัตริย์ใส่เครื่องภาชนะ
กึ่งหนึ่งทรงให้เก็บไว้ที่หอพระญาติวงศ์อีกกึ่งหนึ่งให้คณะราชทูตรับไว้ท้าวท่านให้แต่งถนนหนทางเพื่อแห่แหนส่งพระธาตุไปจนถึงเมืองสรวง
ฝ่ายพระนางบุญเหลือทรงให้แต่งเส้นทางมารับพระธาตุไปสู่ปราสาทเรือนยอดที่สำหรับตั้ง
พระธาตุสามกษัตริย์และจัดแต่งมนเทียรอีกสององค์ ข้างขวาบรรจุธาตุขุนแก้วกับนางรื่นข้างซ้ายของหมื่นขวัญกับนางโรย ทรงทำบุญครั้งใหญ่เพื่อถวายทานแด่จอมกษัตริย์ทรงทำบุญถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และทรงเปิดคลังทำทานทั่วแผ่นดินจากนั้นจึงโปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์ใหญ่โตไว้บรรจุพระธาตุสามกษัตริย์ให้ถาวรสืบไปและสร้างสถูปซ้ายขวาไว้บรรจุธาตุพี่เลี้ยงทั้งสี่ ฝ่ายเมืองสรองท้าวพิไชยพิษณุกรก็โปรดให้ทำดุจเดียวกัน ทรงส่งสารบอกพระราชกำหนดวันแล้วจัดงานบรรจุพระธาตุและทำบุญในวันเดียวกันอย่างยิ่งใหญ่ทั้งสองเมืองจากนั้นเป็นต้นมาสองเมืองต่างส่งสารแสดงไมตรีสืบต่อกันเรื่อยไป
ฝ่ายพระนางบุญเหลือทรงให้แต่งเส้นทางมารับพระธาตุไปสู่ปราสาทเรือนยอดที่สำหรับตั้ง
พระธาตุสามกษัตริย์และจัดแต่งมนเทียรอีกสององค์ ข้างขวาบรรจุธาตุขุนแก้วกับนางรื่นข้างซ้ายของหมื่นขวัญกับนางโรย ทรงทำบุญครั้งใหญ่เพื่อถวายทานแด่จอมกษัตริย์ทรงทำบุญถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และทรงเปิดคลังทำทานทั่วแผ่นดินจากนั้นจึงโปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์ใหญ่โตไว้บรรจุพระธาตุสามกษัตริย์ให้ถาวรสืบไปและสร้างสถูปซ้ายขวาไว้บรรจุธาตุพี่เลี้ยงทั้งสี่ ฝ่ายเมืองสรองท้าวพิไชยพิษณุกรก็โปรดให้ทำดุจเดียวกัน ทรงส่งสารบอกพระราชกำหนดวันแล้วจัดงานบรรจุพระธาตุและทำบุญในวันเดียวกันอย่างยิ่งใหญ่ทั้งสองเมืองจากนั้นเป็นต้นมาสองเมืองต่างส่งสารแสดงไมตรีสืบต่อกันเรื่อยไป
บทส่งท้าย ขอให้พระลอลิลิตเป็นศรีแก่ปากผู้ที่บรรจงอ่านเปรียบเหมือนดอกไม้ที่ร้อยกรองไว้อย่างเรียบร้อย
เพื่อเป็นเครื่องประดับหูในทุกยามและเสมือนกระแจะอันหอมรื่น
ได้แตะเพียงน้อยหนึ่งก็ได้แรงใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น