วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563

ความเชื่อในพระพุทธศาสนา



ความเชื่อในพระพุทธศาสนา

            ศาสนามีอิทธิพลต่อสังคมมนุษย์มาตั้งแต่โบราณกาล เดิมทีเดียวมนุษย์ยังไม่มีศาสนา มนุษย์ได้ไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นความเชื่อถือต่าง ๆ เช่น แม่น้ํา ต้นไม้ ภูเขา พระ อาทิตย์ พระจันทร์ ฯลฯ กล่าวง่าย ๆ ก็คือ มนุษย์มีศรัทธาและความเชื่อถือในธรรมชาติ ผีสาง เทวดา บรรพบุรุษตลอดจนเทพเจ้าต่าง ๆ นั่นเอง กาลเวลาล่วงเลยมา มนุษย์มีความคิดเจริญขึ้นอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นเหล่าเกิดเป็นชุมชน และสุดท้ายได้นับถือศาสนาอันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้สังคมมนุษย์อยู่ร่วมกันได้โดยสันติ อย่างไรก็ดี แม้จะมีศาสนาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ความเชื่อดั้งเดิมในเรื่องผีสางเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ยังคงฝังอยู่ในความเชื่อถือศรัทธาของมนุษย์อย่างแน่นแฟ้น ดยเหตุที่ศาสนามีความเกี่ยวพันกับจิตใจมนุษย์ เป็นศาสตร์ที่วางแบบฉบับชีวิตให้มนุษย์ เป็นหลักเป็นที่พึ่งของมนุษย์และเป็นประทีปให้ความสว่างแก่มนุษย์ในการดําเนินชีวิต ฉะนั้นการ แสดงออกของมนุษย์จึงมีเรื่องเกี่ยวกับศาสนาแทรกอยู่ในชีวิตประจําวัน ซึ่งถือเป็นระเบียบประเพณีที่ ประพฤติปฏิบัติกันต่อ ๆ มา
                  "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาอเทวนิยม คือเชื่อว่าไม่มีพระเจ้าและเชื่อในศักยภาพของมนุษย์ว่าทุกคนสามารถพัฒนาจิตใจไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ด้วยความเพียรของตน กล่าวคือ ศาสนาพุทธสอนให้มนุษย์บันดาลชีวิตของตนเองด้วยผลแห่งการกระทำของตน ตามกฎแห่งกรรม มิได้มาจากการอ้อนวอนขอจากพระเป็นเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกกาย คือ ให้พึ่งตนเอง เพื่อพาตัวเองออกจากกองทุกข์"

                  ปรัชญาพุทธศาสนามุ่งสอนให้คนทําความดี ละเว้นความชั่ว และทําจิตใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ พุทธศาสนาสอนเรื่องกรรม กรรมเป็นเครื่องบันดาลเป็นเครื่องสร้างทุกอย่าง กรรมคือการกระทํา กระทําไว้อย่างไรย่อมเกิดผลแห่งการกระทําเช่นนั้น เหมือนชาวนาหว่านพืช ชนิดใดย่อมได้รับผลของพืชชนิดนั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในอภิณหปัจเวกขณสูตร ว่า 
หญิง ชาย คฤหัสถ์ บรรพชิต ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับรองผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่อาศัย เราทํากรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจะได้รับผลแห่งกรรมนั้น” และในวาเสฏฐสูตร ว่า
บุคคลไม่ได้เป็นคนชั่ว ไม่ได้เป็นคนดี เพราะชาติ หากเป็นเพราะการกระทํา บุคคล เป็นชาวนา เป็นศิลปิน เป็นพ่อค้า เป็นคนรับใช้ เป็นโจร เป็นทหาร เป็นนักบูชายัญ เป็นพระราชา ก็เพราะการกระทํา โลกเป็นไปเพราะกรรม สัตว์ทั้งหลายผูกพันอยู่ที่กรรม เหมือนกับสลักลืม เป็นเครื่องยึดรถ ที่แล่นไปฉะนั้น” 
                  กรรมนี้เองทําให้คนและสัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิด เสวยวิบากกรรมอยู่ เมื่อใดดับกิเลสตัณหาสิ้น ดวงใจใสสะอาดบริสุทธิ์ สว่างและสงบปราศจากเครื่องตึงรัดใด ๆ แล้ว เมื่อนั้นจะไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก เรียกว่า นิพพาน และในศาสนาฮินดูก็เชื่อเรื่องกรรมและการเวียนว่ายตาย เกิด เช่นเดียวกัน 
                  อิทธิพลของพุทธศาสนาด้านปรัชญาที่เชื่อเรื่องกรรมนี้ ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมเรื่องต่าง ๆ มากมายในความคิดของกวีในเรื่องกรรมนี้ มีความคิดว่า กรรมใดที่ทําแล้วย่อมได้รับผลของวิบากกรรมนั้นเสมอ ไม่มีผู้ใดฝืนกรรมลิขิตได้ 

                                ความเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในเรื่องลิลิตพระลอ เช่น

            ความเชื่อเรื่องกรรม

                     ถึงกรรมจักอยู่ได้             ฉันใด พระเอย
กรรมบ่มีมีใคร                     ฆ่าข้า
         กุศลส่งสนองไป                   ถึงที่ สุขนา
             บาปส่งจำตกช้า                    ช่วยได้ฉันใด

                    



      ความเชื่อเรื่อง บุญ บาป
สิ่งใดในโลกล้วน                  อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง                     เที่ยงแท้
             คือเงาติดตัวตรัง                     ตรึงแน่น อยู่นา
         ตามแต่บุญบาปแล                   ก่อเกื้อรักษา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความเชื่อเรื่องความฝัน

ความเชื่อเรื่องความฝัน                  ความเชื่อเรื่องความฝันในเรื่องลิลิตพระลอ จะเห็นว่าก่อนที่ตัวละครเอกจะพบกัน ต่างก็ฝันและตีความ...